เมนู

ทรงปรารภภิกษุสงฆ์แล้วทรงมีพระดำรัสอย่างใดอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า
จักยังไม่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ดังนี้ พระเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ก็ภิกษุสงฆ์ยังหวังอะไร
ในเราตถาคตเล่า ดูก่อนอานนท์ ธรรมที่ตถาคตแสดงแล้ว ได้ทำมิให้มีใน
มิให้มีนอก ดูก่อนอานนท์ ตถาคตมิได้มีกำมืออาจารย์ (ปิดบังซ่อนเร้น)
ในธรรมทั้งหลาย ดูก่อนอานนท์ ผู้ใดพึงมีความดำริอย่างนี้ว่าฉันจักบริหาร
ภิกษุสงฆ์ ดังนี้ก็ดี หรือว่า ภิกษุสงฆ์พึงยกย่องฉัน ดังนี้ก็ดี ดูก่อนอานนท์
แน่นอน เขาผู้นั้นพึงปรารภภิกษุสงฆ์แล้ว กล่าวถ้อยคำบางประการ. ดูก่อน
อานนท์ ตถาคตมิได้มีความดำริอย่างนี้ว่า เราแลจักบริหารภิกษุสงฆ์หรือว่า
ภิกษุสงฆ์พึงยกย่องเรา ตถาคต ดังนี้. ดูก่อนอานนท์ ตถาคตนั้น ยังจักปรารภ
ภิกษุสงฆ์แล้วกล่าวถ้อยคำไร ๆ คราวเดียว. ดูก่อนอานนท์ ก็ในกาลบัดนี้ เรา
ตถาคตแก่เฒ่าแล้ว เป็นผู้ใหญ่ ล่วงกาลผ่านวัยโดยลำดับแล้ว วัยของตถาคต
ก็กำลังดำเนินเข้าเป็น 80 ปีอยู่. ดูก่อนอานนท์ เกวียนคร่ำคร่าเดินไปได้ด้วย
การแซมด้วยไม้ไผ่แม้ฉันใด ร่างกายของตถาคตก็ดำเนินไปได้ เหมือนด้วย
การแซมด้วยไม้ไผ่ ฉันนั้นนั่นแล ดูก่อนอานนท์ ในสมัยใด ตถาคตเข้าถึง
เจโตสมาธิ หานิมิตมิได้อยู่ เพราะไม่มนสิการนิมิตทั้งปวง เพราะเวทนา
ทั้งหลายบางอย่างดับไป ในสมัยนั้น ร่างกายของตถาคตมีความผาสุกยิ่ง.(1)
เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะ
อยู่เถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะ จงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะ อย่ามี
สิ่งอื่นเป็นสรณะเลย

ทรงแสดงเรื่องมีตนเป็นเกาะมีตนเป็นสรณะ



ดูก่อนอานนท์ ก็ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะอยู่ ไม่มี
สิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นผู้มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะอยู่ ไม่มีสิ่งอื่นเป็น
สรณะ อย่างไร.
1. แต่นี้ถึงจบภาณวารที่ 2 ตรงกับ สํ. มหาวาร. 19/ 217